ในโลกที่การเงินเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การมีความรู้และคำแนะนำที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งค่ะ ในฐานะของผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนกองทุน (Fund Investment Consultant) ฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมายที่นักลงทุนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ผันผวน, เทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ หรือแม้แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนการลงทุนในกองทุนก็เหมือนกับการเดินทางที่ต้องมีเข็มทิศนำทางค่ะ และเข็มทิศนั้นก็คือความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่างๆ รวมถึงแนวโน้มและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ช่วงนี้กระแสการลงทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) มาแรงมากค่ะ นักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีสีเขียวและพลังงานสะอาดก็ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ AI และ Blockchain ก็กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและบริหารจัดการการลงทุนอีกด้วยในอนาคต เราอาจได้เห็นการลงทุนส่วนบุคคล (Personalized Investing) ที่ใช้ AI ในการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการและความเสี่ยงของแต่ละบุคคลมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุนหลักเอาล่ะค่ะ เพื่อให้เข้าใจเรื่องเหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไปทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนเลยค่ะ!
เปิดโลกการลงทุน: ทำความเข้าใจประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย
การลงทุนไม่ได้มีแค่หุ้นหรือกองทุนรวมเท่านั้นค่ะ โลกของการลงทุนกว้างใหญ่กว่าที่เราคิด และการทำความเข้าใจประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลายจะช่วยให้เราสามารถจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
ทำความรู้จักกับหุ้นกู้ (Corporate Bonds)
หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อระดมทุน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง เช่น ความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้1.
ข้อดีของหุ้นกู้: ให้ผลตอบแทนที่แน่นอนกว่าหุ้นสามัญ และมักจะสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก
2. ข้อเสียของหุ้นกู้: สภาพคล่องอาจต่ำกว่าหุ้นสามัญ และอาจมีความเสี่ยงด้านเครดิตหากบริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีปัญหาทางการเงิน
ทองคำ: สินทรัพย์ปลอดภัยในยามวิกฤต
ทองคำได้รับการยกย่องว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ที่นักลงทุนมักจะหันมาลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวนหรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ* ข้อดีของทองคำ: เป็นสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว และเป็นที่ต้องการของตลาดทั่วโลก
* ข้อเสียของทองคำ: ไม่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยหรือเงินปันผล และราคาอาจผันผวนตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
อสังหาริมทรัพย์: การลงทุนระยะยาวที่มั่นคง
อสังหาริมทรัพย์เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่ก็สามารถสร้างรายได้ในระยะยาวได้ ทั้งจากค่าเช่าและจากการขายต่อเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น* ข้อดีของอสังหาริมทรัพย์: สามารถสร้างรายได้จากค่าเช่า และมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว
* ข้อเสียของอสังหาริมทรัพย์: ต้องใช้เงินทุนสูง สภาพคล่องต่ำ และมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
เจาะลึกเทรนด์การลงทุนแห่งอนาคต: ESG, AI, และสินทรัพย์ดิจิทัล
โลกของการลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีใหม่ๆ และกระแสความยั่งยืนกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนในอนาคต
ESG: การลงทุนที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม
การลงทุน ESG (Environmental, Social, and Governance) คือการลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของบริษัทที่ลงทุน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน1.
ทำไม ESG ถึงสำคัญ: นักลงทุนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และการลงทุน ESG ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว
2.
ตัวอย่างการลงทุน ESG: การลงทุนในบริษัทพลังงานสะอาด, การลงทุนในโครงการเพื่อสังคม, และการลงทุนในบริษัทที่มีธรรมาภิบาลที่ดี
AI: ผู้ช่วยอัจฉริยะในการลงทุน
AI (Artificial Intelligence) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและบริหารจัดการการลงทุน ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น* AI ช่วยอะไรในการลงทุน: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยในการพยากรณ์แนวโน้มตลาด, การคัดเลือกหุ้น, และการบริหารความเสี่ยง
* ตัวอย่างการใช้ AI ในการลงทุน: Robo-Advisors ที่ใช้ AI ในการปรับพอร์ตการลงทุนอัตโนมัติ, AI Trading Bots ที่ใช้ AI ในการซื้อขายหุ้นอัตโนมัติ
สินทรัพย์ดิจิทัล: โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา
สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) เช่น Bitcoin และ Ethereum กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงและความผันผวนสูง* ข้อดีของสินทรัพย์ดิจิทัล: มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะเวลาอันสั้น และสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงได้
* ข้อเสียของสินทรัพย์ดิจิทัล: มีความผันผวนสูง และยังไม่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจนในหลายประเทศ
ไขข้อสงสัย: กองทุนรวมแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
กองทุนรวมมีหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีนโยบายการลงทุนและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน การเลือกกองทุนรวมที่เหมาะสมกับความต้องการและความเสี่ยงของเราจึงเป็นสิ่งสำคัญ
กองทุนรวมตราสารหนี้: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำ
กองทุนรวมตราสารหนี้จะลงทุนในตราสารหนี้ต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ1. ข้อดีของกองทุนรวมตราสารหนี้: มีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนที่แน่นอนกว่ากองทุนรวมหุ้น
2.
ข้อเสียของกองทุนรวมตราสารหนี้: ผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่ากองทุนรวมหุ้น และอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
กองทุนรวมหุ้น: เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง
กองทุนรวมหุ้นจะลงทุนในหุ้นสามัญ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่าตราสารหนี้ แต่ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่า* ข้อดีของกองทุนรวมหุ้น: มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงในระยะยาว
* ข้อเสียของกองทุนรวมหุ้น: มีความเสี่ยงสูง และราคาอาจผันผวนตามสถานการณ์ตลาด
กองทุนรวมผสม: ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงมากเกินไป
กองทุนรวมผสมจะลงทุนทั้งในตราสารหนี้และหุ้นสามัญ ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงมากเกินไป* ข้อดีของกองทุนรวมผสม: มีความเสี่ยงปานกลาง และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว
* ข้อเสียของกองทุนรวมผสม: ผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่ากองทุนรวมหุ้น และอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย
วางแผนภาษี: เคล็ดลับลดหย่อนภาษีจากการลงทุน
การลงทุนไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสร้างความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การวางแผนภาษีอย่างรอบคอบจะช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น
RMF: กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ช่วยลดหย่อนภาษี
RMF (Retirement Mutual Fund) เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนใน RMF มาลดหย่อนภาษีได้1.
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี RMF: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
2. ข้อดีของ RMF: ช่วยลดหย่อนภาษี และช่วยให้มีเงินออมไว้ใช้ในวัยเกษียณ
3.
ข้อเสียของ RMF: ต้องถือครองจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี
SSF: กองทุนรวมเพื่อการออมที่ช่วยลดหย่อนภาษี
SSF (Super Savings Fund) เป็นกองทุนรวมเพื่อการออมที่รัฐบาลสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินระยะยาว โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินลงทุนใน SSF มาลดหย่อนภาษีได้* เงื่อนไขการลดหย่อนภาษี SSF: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
* ข้อดีของ SSF: ช่วยลดหย่อนภาษี และช่วยให้มีเงินออมระยะยาว
* ข้อเสียของ SSF: ต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี
ประกันชีวิต: อีกหนึ่งทางเลือกในการลดหย่อนภาษี
การซื้อประกันชีวิตบางประเภทสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษี* เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีประกันชีวิต: สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
* ข้อดีของการซื้อประกันชีวิต: ช่วยลดหย่อนภาษี และช่วยให้มีความคุ้มครองชีวิต
* ข้อเสียของการซื้อประกันชีวิต: อาจมีค่าเบี้ยประกันที่สูง และผลตอบแทนอาจไม่สูงเท่าการลงทุนประเภทอื่น
เคล็ดลับบริหารพอร์ต: จัดสรรสินทรัพย์ให้เหมาะสมกับความเสี่ยง
การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) คือการกระจายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี
ทำความเข้าใจระดับความเสี่ยงที่รับได้
ก่อนที่จะจัดสรรสินทรัพย์ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเรารับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น อายุ, ระยะเวลาการลงทุน, และเป้าหมายทางการเงิน1.
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง: สามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงได้ เช่น หุ้นและสินทรัพย์ดิจิทัล
2. นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง: ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ทั้งตราสารหนี้, หุ้น, และอสังหาริมทรัพย์
3.
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ: ควรลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารหนี้และเงินฝาก
กระจายความเสี่ยง: อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว
การกระจายความเสี่ยงเป็นหลักการสำคัญในการลงทุน เพื่อลดผลกระทบจากการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งที่อาจขาดทุน* วิธีการกระจายความเสี่ยง: ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย, ลงทุนในหลายอุตสาหกรรม, และลงทุนในหลายประเทศ
ปรับพอร์ตการลงทุน: ติดตามและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ
ตลาดการเงินเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงควรติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนของเราอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนของเรายังคงเหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
ประเภทสินทรัพย์ | ความเสี่ยง | โอกาสในการสร้างผลตอบแทน | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|---|
เงินฝาก | ต่ำ | ต่ำ | นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำมาก |
ตราสารหนี้ | ต่ำถึงปานกลาง | ปานกลาง | นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำถึงปานกลาง |
หุ้น | สูง | สูง | นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง |
อสังหาริมทรัพย์ | ปานกลาง | ปานกลางถึงสูง | นักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาว |
สินทรัพย์ดิจิทัล | สูงมาก | สูงมาก | นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก |
ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงกลโกงและการลงทุนที่ไม่น่าเชื่อถือ
ในโลกของการลงทุน มีมิจฉาชีพที่คอยหาโอกาสหลอกลวงนักลงทุน ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ไม่น่าเชื่อถือ
ระวังคำเชิญชวนที่เกินจริง
หากมีใครมาชวนลงทุนโดยให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจเป็นกลโกง เพราะการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมักจะไม่ให้ผลตอบแทนที่สูง1. ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ: ก่อนที่จะลงทุน ควรตรวจสอบข้อมูลของบริษัทหรือบุคคลที่มาชวนลงทุนให้ละเอียดเสียก่อน
2.
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนตัดสินใจ
อย่าหลงเชื่อข่าวลือ
ข่าวลือต่างๆ อาจทำให้เราตัดสินใจลงทุนผิดพลาดได้ ดังนั้นเราจึงควรพิจารณาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น* ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ: เช่น สำนักข่าวเศรษฐกิจและตลาดหลักทรัพย์
* อย่าลงทุนตามอารมณ์: การตัดสินใจลงทุนควรมาจากการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ใช่จากอารมณ์
ลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ
หากเราไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เราจะลงทุน เราก็จะไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นเราจึงควรลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจเท่านั้น* ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนที่จะลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใดๆ ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดเสียก่อน
* เริ่มต้นด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่คุ้นเคย: หากเรายังไม่คุ้นเคยกับการลงทุน ควรเริ่มต้นด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่เราเข้าใจง่ายก่อนหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการลงทุนของคุณนะคะ อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนค่ะการลงทุนเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง หวังว่าบทความนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับนักลงทุนมือใหม่ทุกคน และเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจลงทุนได้นำไปปรับใช้ให้เข้ากับสถานการณ์ของตนเอง อย่าลืมว่าการลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนนะคะ!
บทสรุป
1. ทำความเข้าใจประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อจัดพอร์ตที่เหมาะสม
2. สนใจเทรนด์การลงทุนแห่งอนาคต: ESG, AI, สินทรัพย์ดิจิทัล
3. เลือกกองทุนรวมให้เหมาะกับความเสี่ยงและเป้าหมาย
4. วางแผนภาษีเพื่อลดหย่อนจากการลงทุน
5. บริหารพอร์ตอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
ข้อมูลน่ารู้เพิ่มเติม
1. ค่าธรรมเนียม: ตรวจสอบค่าธรรมเนียมต่างๆ ก่อนลงทุน เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวม
2. ผลตอบแทนย้อนหลัง: ผลตอบแทนในอดีตไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคตได้
3. ข่าวสาร: ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
5. เริ่มต้นเล็กๆ: หากยังไม่มั่นใจ ควรเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อยก่อน
ข้อควรรู้
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน การกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ และควรลงทุนในสิ่งที่เราเข้าใจ หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 📖
ถาม: กองทุนรวมคืออะไร และเหมาะกับใคร?
ตอบ: กองทุนรวมก็เหมือนการเอาเงินของนักลงทุนหลายๆ คนมารวมกัน แล้วให้ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น, ตราสารหนี้ หรืออสังหาริมทรัพย์ เหมาะสำหรับคนที่อยากลงทุนแต่ไม่มีเวลาหรือความรู้ในการเลือกหุ้นเอง หรืออยากกระจายความเสี่ยงค่ะ
ถาม: จะเลือกกองทุนรวมยังไงดีให้เหมาะกับตัวเอง?
ตอบ: อันดับแรกต้องดูเป้าหมายการลงทุนของเราก่อนค่ะ อยากได้ผลตอบแทนสูงๆ หรืออยากเน้นความปลอดภัย? แล้วก็ต้องดูระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ด้วยค่ะ จากนั้นก็ลองดูนโยบายการลงทุนของแต่ละกองทุน เปรียบเทียบผลการดำเนินงานย้อนหลัง ค่าธรรมเนียม และดูว่าผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญแค่ไหน คล้ายๆ เลือกซื้อแกงถุงที่ตลาดเลยค่ะ ต้องชิมก่อนถึงจะรู้ว่าถูกปากเราไหม
ถาม: มีความเสี่ยงอะไรบ้างในการลงทุนในกองทุนรวม?
ตอบ: แน่นอนว่าการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงค่ะ กองทุนรวมก็เหมือนกัน ความเสี่ยงหลักๆ ก็คือความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) ที่ราคาของสินทรัพย์ที่เราลงทุนอาจจะตกลง ทำให้มูลค่ากองทุนลดลง นอกจากนี้ก็ยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) ที่อาจจะขายกองทุนได้ยากในช่วงเวลาที่เราต้องการเงินด่วน และความเสี่ยงจากผู้จัดการกองทุน (Management Risk) ที่อาจจะตัดสินใจลงทุนผิดพลาดได้ แต่ถ้าเราศึกษาข้อมูลให้ดี เลือกกองทุนที่เหมาะกับเรา และติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เราก็จะสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงได้เยอะเลยค่ะ
📚 อ้างอิง
Wikipedia Encyclopedia
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과
구글 검색 결과